Super Kawaii Cute Cat Kaoani

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

การเตรียมสารละลาย


การเตรียมสารละลาย
        
         ในการปฏิบัติการทางเคมีส่วนใหญ่ใช้สารรูปของสารละลาย จึงจำเป็นต้องเตรียมสารละลายให้มีความเข้มข้นตรงกับที่ต้องการ ถ้าสารละลายมีความเข้มข้นคลาดเคลื่อนอาจมีผลต่อการทดลองได้ สารละลายที่เตรียมได้จะมีความเข้มข้นเที่ยงตรงเพียงใดขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของสารการชั่งตัวละลายและตัวทำละลาย การวัดปริมาตรของสารละลาย โดยปกติการเตรียมสารละลายในห้องปฏิบัติการเพื่อใช้ในงานวิเคราะห์ที่ต้องการความละเอียดสูง จะต้องใช้เครื่องชั่งสารได้ถึงทศนิยมตำแหน่งที่ 4  ของกรัม คืออ่านค่าได้ละเอียดถึง 0.0001 กรัม ส่วนภาชนะที่ใช้เตรียมสารละลายและวัดปริมาตร จะใช้ขวดวัดปริมาตรซึ่งมีขนาดต่างๆ กัน
 ตัวอย่างขวดวัดปริมาตรขนาดต่างๆ
         การเตรียมสารละลาย ทำได้โดยนำสารบริสุทธิ์มาละลายในตัวทำละลายโดยตรง หรือนำสารละลายที่มีอยู่แล้วมาเติมตัวทำละลายเพื่อทำให้สารละลายเจือจางลง รายละเอียดของการเตรียมสารละลายทั้งสองวิธีดังนี้
     
    (1) การเตรียมสารละลายจากสารบริสุทธิ์ ทำได้โดยละลายสรบริสุทธิ์ตามปริมาณที่ต้องการในตัวทำละลายปริมาณเล็กน้อย แล้วปรับปริมาตรของสารละลายให้ได้ตามที่ต้องการเตรียม เช่น ต้องการเตรียมสารละลาย NaC1 เข้มข้น 1.0 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร จำนวน 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีขั้นตอนดังนี้
            ขั้นที่ 1 คำนวณหาปริมาตรตัวละลาย
         มวลของ NaCl ที่จะใช้เตรียมสารละลายให้มีความเข้มข้น 1.0mol/\displaysyledm^3 ปริมาตร 
\displaysyle250cm^3 คำนวณได้ดังนี้
             = 14.610 g
แสดงว่าต้องชั่ง NaCl จำนวน 14.610 g
            ขั้นที่ 2 การทำให้เป็นสารละลาย
         เมื่อชั่ง NaCl ตามปริมาณที่คำนวณได้คือ 14.610 กรัมแล้ว นำมาละลายด้วยน้ำกลั่นประมาณ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตรในบีกเกอร์ เทสารละลายผ่านกรวยลงในขวดวัดปริมาตรขนาด 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร  ใช้น้ำกลั่นจำนวนเล็กน้อยล้างบีกเกอร์อีก 2-3 ครั้งและเทผ่านกรวยจนสารละลายถูกชะลงไปหมด ปริมาตรสารละลายในขวดไม่ควรเกิน 2 ใน 3 ของปริมาตรทั้งหมด เขย่าขวดเพื่อให้สารละลายผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เติมน้ำกลั่นลงไปทีละน้อยจนส่วนโค้งต่ำสุดของผิวสารละลายอยู่ตรงกับขีดบอกปริมาตรที่คอขวด ปิดจุกขวดให้แน่นแล้วคว่ำขวด เขย่าเบาๆ จนสารผสมกันเป็นเนื้อเดียว สารละลายที่เตรียมได้จะมีความเข้มข้นและปริมาตรตามต้องการ
 การเตรียมสารละลาย จากผลึก
         ในสารละลายของสารที่ศึกษามาแล้ว จะพบว่าสารบางชนิดเมื่อละลายในน้ำแล้วมีอุณหภูมิสูงขึ้น บางชนิดมีอุณหภูมิลดลงความร้อนที่ถ่ายเทระหว่างขวดวัดปริมาตรกับสารละลายมีผลทำให้ขวดวัดปริมาตรมีปริมาตรคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ในขณะเตรียมสารละลายจึงต้องเติมน้ำลงในขวดวัดปริมาตรให้ต่ำกว่าขีดบอกปริมาตรและตั้งขวดวัดปริมาตรไว้ เมื่อสารละลายมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้องแล้วจึงเติมน้ำอีกครั้งเพื่อปรับให้ระดับของสารละลายถึงขีดบอกปริมาตรพอดี
            ขั้นที่ 3 เก็บสารละลายและอุปกรณ์
         เมื่อเตรียมสารละลายเสร็จแล้ว ถ่ายใส่ภาชนะเก็บสารและปิดจุกให้เรียบร้อย ปิดฉลากโดยระบุชื่อสาร สูตรเคมีความเข้มข้นและวันที่เตรียมสารละลาย แล้วล้างขวดวัดปริมาตรและจุกให้สะอาด วางคว่ำไว้จนแห้งจึงปิดจุกแล้วเก็บไว้ในตู้อุปกรณ์
         (2) การเตรียมสารละลายจากสารละลายเข้มข้น
         โดยปกติในห้องปฏิบัติการจะมีสารละลายที่เตรียมไว้แล้วเหลืออยู่ เมื่อต้องการใช้สารละลายที่มีความเข้มข้นต่ำกว่าสารละลายที่มีอยู่เดิม อาจทำได้โดยการเพิ่มปริมาตรของตัวทำละลาย เช่น ต้องการเตรียมสารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์เข้มข้น 0.1 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร จำนวน 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร จากสารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์เข้มข้น 2.0 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร มีขั้นตอนดังนี้
            ขั้นที่ 1 คำนวณหาปริมาณตัวละลาย
         เป็นการหาจำนวนโมลของตัวละลายในสารละลายที่ต้องการเตรียม ทำดังนี้
               = 0.01 mol
        สารละลายที่ต้องการเตรียมมี KI  0.01 โมล

            ขั้นที่ 2 คำนวณหาปริมาตรของสารละลายเดิมที่ต้องนำมาเตรียมสารละลายใหม่ โดยใช้ปริมาณตัวละลายที่คำนวณได้จากขั้นที่ 1 ทำดังนี้
  =  \displaysyle5cm^3
            ขั้นที่ 3 ทำสารละลายให้เจือจาง
         ใช้ปิเปตต์ดูดสารละลาย KI 2 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร จำนวน 5 ลูกบาศก์เซนติเมตร มาถ่ายลงในขวดวัดปริมาตรขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร แล้วเติมน้ำกลั่นด้วยวิธีเดียวกับขั้นที่ 2 ในข้อ (1) จนสารละลายมีปริมาตรเป็น 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร ปิดจุกขวดแล้วคว่ำขวดเขย่าจนสารผสมเป็นเนื้อเดียว จะได้สารละลายที่มีความเข้มข้นและปริมาตรตามต้องการ
            ขั้นที่ 4  การเก็บสารละลาย ปฏิบัติเช่นเดียวกับขั้นที่ 3 ของวิธีเตรียมสารละลายจากสารบริสุทธิ์
         การทำสารละลายเข้มข้นให้เจือจางลงนั้น ความเข้มข้นจะถูกต้องเพียงใดขึ้นอยู่กับการวัดปริมาตร และการเลือกใช้อุปกรณ์ในการวัด อุปกรณ์หนึ่งที่ใช้วัดปริมาตรของสารละลายได้แม่นยำคือปิเปตต์ ส่วนอุปกรณ์วัดปริมาตรของสารละลายที่เตรียมขึ้นใหม่ยังคงใช้ขวดวัดปริมาตรเช่นเดียวกัน การเตรียมสารละลายที่มีความเข้มข้นโดยประมาณ อาจใช้กระบอกตวงขนาดที่เหมาะสมวัดปริมาตรของสารละลายแทนปิเปตต์ได้
 ปิเปตต์ชนิดต่างๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.vcharkarn.com/lesson/1199

วิดิโอที่เกี่ยวข้อง

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประเทศเวียดนาม


ประเทศเวียดนาม
      




  เวียดนาม (เวียดนามViệt Nam [viət˨ nam˧] เหฺวียดนาม) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนามCộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ ทางทิศตะวันออกและใต้ หรือในภาษาเวียดนามเรียกเฉพาะทะเลทางทิศตะวันออกว่า ทะเลตะวันออก (เวียดนามBiển Đông, เบี๋ยน ดง) เวียดนามมีประชากรมากกว่า 89 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 13 ของโลก


ข้อมูลทั่วไปของประเทศเวียดนาม
  • ชื่อภาษาไทย : สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
  • ชื่อภาษาอังกฤษ : Socialist Republic of Vietnam
  • ที่ตั้ง : ภูมิภาคเอเชียตวัันออกเฉียงใต้ (ASEAN)
  • เมืองหลวง : กรุงฮานอย (Ha Noi)
  • ภาษาราชการ : ภาษาเวียดนาม (Vietnamese)
  • สกุลเงิน : ด่ง (Dong, VND)
  • พื้นที่ : 128,565ตารางไมล์(331,210 ตารางกิโลเมตร)
  • จำนวนประชากร : 89,693,000 คน
  • การปกครอง : ระบอบสังคมนิยม มีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้ปกครองสูงสุด
  • Time Zone : UTC+7 ใช้เวลาเดียวกับประเทศไทย
  • GDP : 358,889 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • รายได้ต่อหัวประชากร : 4,001 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
  • รหัสโทรศัพท์ (IDC) : +84
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเวียดนาม

1. อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay)
 


อ่าวฮาลอง
          อ่าวฮาลอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ของพันธุ์สัตว์ เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพ จนยูเนสโกต้องยกย่องให้เป็นมรดกโลก อ่าวนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม และอยู่ไม่ห่างจากเขตแดนของประเทศจีนมากนัก จุดเด่นของอ่าวนี้ คือ มีเกาะหินปูนโผล่ขึ้นกระจายทั่วอ่าว ครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,500 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยวว่ามีบรรยากาศที่สวยงามเกินจริง เสมือนฉากในตอนจบของภาพยนตร์ซึ่งมีแสง สี ที่ลงตัวสุด ๆ เลยทีเดียว 

          ข้อมูลเพิ่มเติม : อ่าวฮาลองอยู่ห่างจากกรุงฮานอย 170 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงฮานอย โดยใช้บริการรถยนต์ รถมินิบัส รถประจำทาง หรือเฮลิคอปเตอร์ 

2. พระราชวังทังลอง (Imperial Citadel of Thang Long)

10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          สถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด ซึ่งเป็นสมบัติของราชวงศ์ Ho และถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1379 แต่ยังคงหลงเหลือโครงสร้างให้เห็นในปัจจุบัน อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม เพราะเป็นราชวังหินแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงถูกยกย่องให้เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมในสมัยนั้น ๆ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างโดยใช้เทคโนโลยีในแบบสมัยก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าพิศวงว่าคนสมัยนั้นสามารถสร้างพระราชวังที่งดงามอย่างนี้ได้อย่างไร

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 16 บาท (10,000 ด่งเวียดนาม) ค่าเข้าชมสำหรับเด็ก (อายุ 10-15 ปี) ราคา 8 บาท (5,000 ด่งเวียดนาม) สำหรับเวลาทำการนั้น เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ในช่วงฤดูร้อนเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. ในฤดูหนาวเปิดตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น.

3. เมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An Old Town)

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ

          เมืองเก่าฮอยอันเป็นเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลจีนใต้ ชาวบ้านยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม อีกทั้งภายในเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า มีอาคารต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมทั้งตะวันตกและตะวันออก เช่น บ้าน โคมไฟโบราณแบบจีน สะพานข้ามคลองที่มีการดีไซน์แบบประเทศญี่ปุ่น 

          ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมืองฮอยอันเก่าจะได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก นอกจากนี้ ยังสามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ส่วนการสัญจรไป-มาในเมืองนั้นก็สะดวก นักท่องเที่ยวสามารถเดิน ปั่นจักรยาน หรือขี่รถจักรยานยนต์ก็ได้ เพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ในยามค่ำคืนหลังสี่ทุ่มไปแล้วจะค่อนข้างเงียบ แต่ยังพอมีผับบาร์ ร้านขายเครื่องดื่มเปิดให้บริการอยู่บ้าง ที่สำคัญผู้คนในเมืองเป็นมิตร อัธยาศัยดี มีน้ำใจกับนักท่องเที่ยว

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าฮอยอันคนละ 181 บาท (120,000 ด่งเวียดนาม) นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมืองเก่าต้องแต่งกายสุภาพ เช่น ผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ต ผู้หญิงห้ามสวมเสื้อไม่มีแขนและกระโปรงสั้นเหนือเข่า

4. สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh's Mausoleum)

10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ

          สุสานบรรจุศพแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองฮานอย ภายในอนุสาวรีย์มีโลงแก้วบรรจุร่างของ โฮจิมินห์ หรืออดีตนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม แต่คนเวียดนามมักเรียกกันว่า "ลุงโฮ" ส่วนรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นยึดโมเดลมาจากอนุสาวรีย์บรรจุศพของ วลาดีมีร์ เลนิน ในประเทศรัสเซีย เปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1975 และในทุก ๆ ปีร่างของลุงโฮจะถูกส่งไปตรวจสอบความสมบูรณ์ที่รัสเซีย

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิงห์ (Ba Dinh Square) เปิดทำการวันอังคาร-พฤหัสบดี และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-11.00 น. สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมต้องสวมเครื่องแต่งกายสุภาพ เรียบร้อย (ห้ามสวมเสื้อแขนกุด กระโปรงสั้นเหนือเข่า กางเกงขาสั้น)


5. อุโมงค์กู๋จี (Cu Chi Tunnels)

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          อุโมงค์แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ใช้เป็นที่หลบภัยจากระเบิด ที่สำหรับประชุมของกองกำลังเวียดกงในสมัยที่รบกับสหรัฐอเมริกา อุโมงค์ถูกสร้างขึ้นให้มีหลายชั้นและแต่ละชั้นจะมีระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อความอยู่รอดของทหาร ภายในอุโมงค์ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล ห้องประชุม และห้องพัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะได้รับชมหนังสั้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามก่อน เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม

         ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโฮจิมินห์ 70 กิโลเมตร และเปิดให้บริการตลอดทั้งปี

6. ปราสาทหมีเซิน (My Son Sanctuary)

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
         ปราสาทหมีเซินเป็นสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือมาจากอาณาจักรจามปาหรือช่วงศตวรรษที่ 4-15 สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมของฮินดูที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในอินโดจีน ในอดีตปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบูชาพระศิวะ นอกจากตัวปราสาทแล้วยังมีรูปปั้น วัด และถูกห้อมล้อมไปด้วยป่าดงดิบ ในสมัยก่อนมีสิ่งก่อสร้างโบราณกว่า 70 หลัง แต่ในช่วงสงครามเวียดนามโบราณสถานฮินดูนี้ถูกระเบิดตกใส่ไปหลายแห่ง จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 22 หลังเท่านั้น และที่สำคัญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย

         ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ในชุมชน  Duy Tan จังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) หรืออยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองดานัง 70 กิโลเมตร และห่างจากเมืองฮานอย 40 กิโลเมตร และเปิดทำการตลอดทั้งปี สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการมาเยี่ยมชม คือ ช่วงเช้า เพราะอากาศกำลังดี ไม่ร้อนจนเกินไป

7. พระราชวังเว้ (Complex of Hue Monuments)

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          เป็นพระราชวังของราชวงศ์เหงียน (Nguyen Dynasty) ซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ภายในประกอบด้วย พระราชวัง สุสานของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ เจดีย์ วัดวาอาราม ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สร้างขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 19 

          แต่สำหรับสิ่งก่อสร้างที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คือ ประตูทางเข้าพระราชวัง (Ngo Mon Gate) ซึ่งเป็นทางเดินเข้าสำหรับกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ และสุสานพระเจ้ามิงห์หม่าง (The Tomb of Emperor Minh Mang) ซึ่งนอกจากจะเป็นพระราชวังที่ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังมีทิวทัศน์ที่งดงามไม่แพ้กัน จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเวียดนาม เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่นักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงการมาในช่วงฤดูฝนหรือช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม

8. พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum)

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ 

          เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 โดยใช้ชื่อว่า Museum of American War Crimes เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงความเจ็บปวด ความเศร้าโศก เมื่อครั้งสงครามเวียดนาม ภายในมีการจัดแสดงเฮลิคอปเตอร์ ขีปนาวุธ รถถัง เครื่องบินจู่โจม ฯลฯ ซึ่งอาวุธเหล่านั้นเป็นอาวุธที่ทหารอเมริกันใช้โจมตีเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์ คือ กรงเสือ ที่นำมาใช้เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองถึง 14 คน รวมถึงเครื่องประหารชีวิตนักโทษการเมืองก็เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน นับได้ว่าเป็นสถานที่ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดลึก ๆ ในหัวใจของชาวเวียดนามได้เป็นอย่างดี

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 07.30-12.00 น. และ 13.00-17.00 น.  

9. อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ

          อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang นั้นมีความโดดเด่นทางธรรมชาติและธรณีวิทยา เพราะมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็ง หรือประมาณ 464 ล้านปีที่แล้ว และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ปัจจุบันมีภูมิประเทศเป็นแบบหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ในอุทยานยังเป็นที่ตั้งของถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถ้ำมากกว่า 300 ถ้ำ และปกคลุมไปด้วยป่าไม้เขตร้อน ที่เรียกได้ว่ามีความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศมากที่สุดในแถบอินโด-แปซิฟิกด้วย นอกจากนี้ ยังปรากฏลักษณะทางภูมิประเทศที่สำคัญซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้ที่อื่น เช่น ลำธารใต้ดิน ถ้ำที่มีหินย้อยลงมาจากเพดาน ฯลฯ อีกทั้งยังมีพันธุ์สัตว์ที่กำลังจะสาบสูญไปจากโลกนี้ เช่น หมีดำ เสือ และช้าง ส่วนกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวประกอบด้วย เดินชมความงามภายในถ้ำ ปืนเขา เดินป่า เป็นต้น

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงฮานอยลงไป 500 เมตร และเปิดให้บริการตลอดทั้งปี

10. ภูเขาทรายสองสีที่หมุยแหน (The Sand Dunes of Mui Ne)

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึง บรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนคุ้นเคยกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่และอยู่ติดกับชายทะเล จึงมีแดดและลมที่แรงมากทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 แห่ง คือภูเขาทรายขาวและภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang และมีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย 

          สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่เป็นที่นิยมมากกว่าในสายตาของช่างภาพ เนื่องจากสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตคือการเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ภูเขาทราย



ข้อมูลเพิ่มเติม : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยว คือ ช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็น เพราะตอนกลางวันถึงช่วงบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมาก







ขอบคุณข้อมูลจาก 
https://travel.kapook.com/view71662.html
http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1/

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พยาบาลทหาร


สิ่งที่ควรรู้เมื่อออยากเป็นพยาบาลทหาร


สำหรับน้องๆ ที่มีความฝันอยากจะเรียนเป็นพยาบาลทหารในเหล่าทัพต่างๆ นั้น โดยปกติแล้วจะมีการประกาศรับสมัครทุกปี และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เข้าไปเรียน หากเราเตรียมตัวไม่พร้อมก็อาจจะะพลาดโอกาส และทำให้เสียเวลารอไปอีก 1 ปี ดังนั้นแล้วควรเตรียมตัวไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ วันนี้พี่ๆ แคมปัสสตาร์ขอรวบรวมบทความ พื้นฐาน สิ่งที่ควรรู้ ถ้าคิดจะเรียน พยาบาลทหารเหล่าทัพต่างๆ มาให้น้องๆ ได้ทำความเข้าใจกันอย่างละเอียด ขอบอกก่อนว่างานนี้น้องๆ ที่เรียนสายวิทย์-คณิตเท่านั้นนะคะ ถึงจะมีสิทธิ์เข้าเรียนได้ สิ่งที่ควรรู้ เมื่อคิดจะเรียน พยาบาลทหารทุกเหล่าทัพ เรียนพยาบาลทหารแล้วดีอย่างไร? ข้อดีก็คือ เมื่อสำเร็จการศึกษา จะได้รับราชการเป็นทหารในหน่วยที่ตนเองบรรจุ ได้รับพระราชทานยศ มีโอกาสได้เติบโต เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งตามระยะเวลา มียศนำหน้า สิบตรี หรือร้อยตรี อีกทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลทั้งของตัวเอง พ่อ แม่ หรือลูกก็สามารถเบิกค่าเล่าเรียนได้ มีเกียรติในสังคม มีบำเหน็ดเมื่อเกษียณ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าไปได้ง่ายๆ นะคะ หากใครมีความใฝ่ฝั่นอยากใส่ชุดเครื่องแบบ ติดยศเท่ๆ และมีอาชีพที่มั่นคงอย่างอาชีพ พยาบาลทหารเหล่าทัพนี้ น้องๆ ควรอ่านรายละเอียดดังต่อไปนี้ให้เข้าใจค่ะ วิทยาลัยพยาบาลเหล่าทัพต่างๆ หลักๆ มีอยู่ 4 วิทยาลัย ได้แก่ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ตั้งอยู่ที่: 317/6 ราชวิถี จังหวัด กรุงเทพมหานคร 10400 แถวๆ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ตั้งอยู่ที่ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ เลขที่ 504/57 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 1060 วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ ตั้งอยู่ที่ 171/2 หมู่ที่2 ถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220 วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ ตั้งอยู่ที่ 492/1 ถ.อังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน กทมฯ 10330 ระยะเวลาในการเปิดรับสมัครจะอยู่ประมาณช่วงต้นปี ของทุกปี ดังนี้คือ – วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก (ทบ.) เริ่มรับสมัครประมาณเดือน ม.ค. – มี.ค. – วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ (ทร.) เริ่มรับสมัครประมาณห้วงเดือน ก.พ. – เม.ย. – วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ (ทอ.) เริ่มรับสมัครประมาณห้วงเดือน ก.พ. – เม.ย. – วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ (ตร.) เริ่มรับสมัครเป็น 2 ห้วง ห้วงแรกรอบรับตรงยื่นผลคะแนนประมาณ พ.ย.-ธ.ค. และห้วงที่สอง เม.ย.-พ.ค. ยื่นคะแนนโดยผ่านระบบ admission การสอบเข้ารับราชการแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ 1.ทุนทางราชการ (ทุนกองทัพ) – ทางราชการออกค่าเล่าเรียนในการศึกษาให้ได้รับเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงประจำวัน เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร 2. ทุนส่วนตัว – นักศึกษาชำระค่าเล่าเรียนเอง หากเรียนดีมีสิทธิได้รับการพิจารณาขอรับทุนการศึกษาจากกองทุนกู้ยืม เมื่อสำเร็จการศึกษา ไม่มีข้อผูกพันใดกับทางกองทัพ สำหรับนักศึกษาพยาบาล ตร. จะได้รับการบรรจุเมื่อมีตำแหน่งและอัตราเงินเดือนว่าง 3.ทุนส่วนราชการฝากเรียนเพิ่มเติม – เช่น ทุนจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ทบ. จะมีทุนส่วนนี้เพิ่มเติม) ทั้ง 3 ประเภทแตกต่างกันในเรื่อง ค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนเรียน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ **รายละเอียดเพิ่มเติมหาดูจากระเบียบการในปีที่สมัครนั้นๆ** ประดับยศ1 คุณสมบัติผู้สมัคร ในเบื้องต้นที่ทุกเหล่าทัพต้องมีคือ ** สำเร็จการศึกษามัธยมปลาย (ม..6) สายวิทย์-คณิต (เท่านั้น) ** ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 155 ซม. บิดาและมารดาสัญชาติไทย – วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก (ทบ.) ทบ. รับสตรีโสด อายุ 18 – 25 ปี น้ำหนักไม่น้อยกว่า 45 กก. (รับสมัคร นักเรียนพยาบาล และนักเรียนผู้ช่วยพยาบาล ประจำปี 60 คลิกที่นี่) – วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ (ทร.)รับสตรีโสด อายุ 17 – 20 ปี น้ำหนักไม่น้อยกว่า 42 กก. ไม่เกิน 65 กก. – วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ (ทอ.) รับสตรีโสด อายุ 17 – 22 ปี น้ำหนักไม่น้อยกว่า 40 กก. ไม่เกิน 65 กก. – วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ (ตร.) รับทั้งชาย และหญิง อายุ 16-25 ปี น้ำหนักไม่น้อยกว่า 42 กก การคัดเลือกใช้การพิจารณาคัดเลือก ยื่นผลคะแนนจากการสอบวัดความรู้ ใช้เกณฑ์เดียวกับการรับบุคคลเข้าศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลางแอดมินชั่น (Admission) ซึ่งพิจารณาจากคะแนนวิชาการ กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพดังนี้ 1. ผลการสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ขั้นพื้นฐาน O-NET วิชาภาษาอังกฤษต้อง 30 คะแนนขึ้นไป (ทุกเหล่าทัพ) **วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ONET วิทย์/คณิต/อังกฤษ ต้อง 30 คะแนนขึ้นไป** 2. ผลการสอบความถนัดทั่วไป GAT ความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ และแก้โจทย์ปัญหา 3. ผลการสอบความถนัดเฉพาะด้าน/วิชาการ PAT1 คณิตศาสตร์(เฉพาะพยาบาล ตร.),PAT2 วิทยาศาสตร์ **วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ ยื่นเฉพาะ GAT/PAT1/PAT2** 4. ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมปลาย GPAX กองทัพเรือและกองทัพบก เฉลี่ย 6 เทอม / เหล่าอื่นเฉลี่ย 5 เทอม 5. พิจารณาร่วมกับการทดสอบสุขภาพจิต สอบสัมภาษณ์และตรวจสุขภาพ (ทบ. เพิ่มการทดสอบสมรรถภาพร่างกายโดยการวิ่งระยะทาง 800 เมตร) พี่ขิม พี่นักเรียนพยาบาลทหารอากาศกันธิชา บุญยืน พี่ชั้นปีที่4 ค่าเทอมโดยประมาณของแต่ละปีการศึกษา ในปีการศึกษาแรก – นักเรียนทุนกองทัพ (ทอ.) รวมค่าเทอมจำนวนทั้งสิ้น 17,785.00 บาท – นักเรียนทุนส่วนตัว รวมค่าเทอมจำนวนทั้งสิ้น 58,835 บาท ( แบ่งชำระ เป็น 2 งวด งวดแรกชำระในวันทำสัญญา จำนวน 33,960 บาท งวดที่ 2 ชำระภายในเดือน ต.ค. จำนวน 24,875 บาท ) ค่าใช้จ่ายในชั้นปีที่ 2 – 4 ชั้นปีที่ 2 – ทุนกองทัพ (ทอ.) รวมค่าเทอม 9,500 – ทุนส่วนตัว รวมค่าเทอม 38,550 ชั้นปีที่ 3 – ทุนกองทัพ (ทอ.) รวมค่าเทอม 9,500 – ทุนส่วนตัว รวมค่าเทอม 35,750 ชั้นปีที่ 4 – ทุนกองทัพ (ทอ.) รวมค่าเทอม 9,500 – ทุนส่วนตัว รวมค่าเทอม 34,350 (อัตราค่าธรรมเนียมนี้ กำหนดไว้เมื่อ พ.ศ.2544 วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ) 10694302_826425347408440_3825897892957329879_o สำหรับในปี 2559 นี้ได้มีประกาศรับสมัครออกมาแล้ว แต่ละเหล่าทัพเริ่มรับสมัครดังนี้ค่ะ 1.พยาบาลกองทัพบก 4 มกราคม ถึง 17 เมษายน 59 คลิกอ่าน ระเบียบการปี59 กำหนดการปี59 2.พยาบาลกองทัพเรือ 4 มกราคม ถึง 4 เมษายน 59 คลิกอ่าน ระเบียบการปี58 กำหนดการปี 59 3.พยาบาลกองทัพอากาศ 18 มกราคม ถึง 20 เมษายน 59 คลิกอ่าน ระเบียบการ+กำหนดการ 59 4.วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ สำหรับ บุคคลทั่วไป คลิกอ่าน ระเบียบการ 59 4.1 สำหรับบุตรข้าราชการตำรวจ คลิกอ่าน ระเบียบการ 59 น้องๆ สามารถติดตามอัพเดทข่าวสาร พยาบาลเหล่าทัพ ที่สนใจได้ที่ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ : http://job.rtncn.ac.th วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ : http://nc-rtaf.thaijobjob.com/2015 วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก : http://rtanc.thaijobjob.com วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ : http://nursepolice.thaijobjob.com แนะนำเพิ่มเติมนะคะ ควรหาหนังสือเรื่อง ‘‘ดอกไม้สีขาว แห่งเหล่าทัพ” มาอ่านเพิ่มเติม สำหรับน้องๆ ที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตพยาบาลทั้ง 4 เหล่าทัพให้มากกว่านี้ ราคาไม่เกิน 200 บาท ค่ะ >.<




ขอบคุณข้อมูลจาก http://campus.campus-star.com/education/8477.html

สอนศาสตร์ ฟิสิกส์:บทนำและการวัด

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แนะนำตัว



😝👉สวัสดีเราชื่อ น้ำผึ้ง โพธิ์ไทย👈😝

ชื่อเล่น : ผึ้ง 🐝👯
เกิดวันที่ : 7 พ.ย. 2543 🎊🎉

อายุ : 16 ปี ⏰💼
โรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม 🚌
มัธยมศึกษาปีที่ 4/ 1😊📚

Smart-sci #7 👪💕
โสดมากกกกก!!!! 👌😁
Facebook : Numpueng Pothai ✉😗
👪💖👆😍👌

ID : pueng_num 👈😇
IG : pueng_np 📌😜